ความดันสูง 160 ลดลงมา 135

ความดันสูง 160
ลดลงมา 135

ทำได้อย่างไรโดยไม่ต้องไปหาหมอ?

ทำได้อย่างไร
โดยไม่ต้องไปหาหมอ?

5 อย่างนี้ คือทั้งหมดที่คุณ ต้องรู้เกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง

เพราะตัวยาควบคุมความดัน ไม่ช่วยลดความดันให้หายเป็นปกติ แค่ประครองอาการ และ ต้องกินต่อเนื่องซึ่งมีผลเสียต่อตับของคุณในระยะยาว เมื่อคุณทานต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ

ความดันสูงเป็นโรคที่พบได้ในผู้ป่วยสุขภาพดีและไม่ดี ไม่ว่าคุณจะแข็งแรงหรือไม่ คุณมีโอกาสเป็นโรคความดันสูงได้ แล้วความดันสูงเกิดจากอะไรกันแน่ ? ต้นเหตุของโรคความดันสูง

ที่หลาย ๆ คนเข้าใจผิด ที่นำไปสู่การดูแลรักษาอย่างผิดวิธี คือ เข้าใจว่า

ความดันโลหิตสูง เพราะคอเลสเตอรอลสูง

แต่! คอเลสเตอรอลไม่ใช่ต้นเหตุจริงๆ ของโรคความดันโลหิตสูง

เรามาทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูงเพื่อนำไปสู่วิธีการดูแลที่ถูกต้อง เพราะคุณสามารถลดความดันสูง 160 ลงมา 135 ได้ด้วยตัวเอง เมื่อคุณรู้วิธีที่ถูกต้อง และวิธีการรักษาของหมอที่จ่ายยาลดความดันให้คุณ แต่ทำไมความดันของคุณถึงไม่ค่อยลดอย่างเห็นได้ชัด เรามีคำตอบจากคำอธิบายทางการรักษาของหมอที่ใช้รักษาคนไข้จริงไว้ให้คุณเข้าใจแล้วในนี้

ทั้งหมดที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูงที่ทำให้คุณรักษาตัวเอง
ให้หายเป็นปกติได้โดยไม่ต้องไปหาหมอ

1. ต้นเหตุโรคความดันโลหิตสูงเกิดจากไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูง (ไม่ใช่คอเลสเตอรอล ที่หลาย ๆ คนเข้าใจผิด)

เพราะหากคุณเข้าใจว่าอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงเป็นต้นเหตุของโรคความดันโลหิตสูง และเป็นต้นเหตุของโรคหลอดเลือดอุดตัน หลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมองอุดตัน คุณจะพยายามลดอาหารเหล่านี้ ไข่แดง เครื่องในสัตว์ ตับหมู ตับไก่ กุญเชียง มันกุ้ง ที่เป็นอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งความเข้าใจเหล่านี้ไมถูกต้อง

เพราะแต่ต่อให้คุณเลิกกินอาหารเหล่านี้ทั้งหมดได้ในวันพรุ่งนี้ ค่าความดันของคุณก็ยากที่จะลดลง เป็นเพราะต้นเหตุของโรคความดันโลหิตสูง ปัจจัยอันดับหนึ่งไม่ได้เกิดมาจากคอเลสเตอรอล แต่เป็นไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์

ก่อนอื่นต้องรู้จักประเภทของไขมันในร่างกายเสียก่อน ว่าไขมันชนิดไหนที่เป็นประโยชน์และโทษ

ไขมันตัวไหนที่เราควรลดเพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้อย่างดีที่สุด

ค่าไขมันที่ถูกวัดเพื่อบ่งบอกว่าคุณมีสุขภาพเป็นอย่างไร เป็นค่าที่ปรากฏอยู่ในผลตรวจเลือด ประกอบไปด้วย

ซึ่งหลายๆ คนเข้าใจค่าเหล่านี้ผิด ทำให้เกิดความกังวลว่าหากค่าทั้งหมดนี้ที่สูงจะทำให้เกิดโรค แต่ไม่เป็นเช่นนั้นเรามาทำความเข้าใจให้ถูกต้องกัน

ไขมันที่เกิดขึ้นในร่างกายเกิดจากการกินที่มากเกินความจำเป็นของร่างกาย และไขมันนี้จะถูกร่างกำจัดเพื่อไปใช้เป็นพลังงาน ซึ่งร่างกายจะมีการดึงพลังงานไปใช้ 2 กลไก ที่จะตอบคำถาม ที่หลาย ๆ คนที่สงสัยว่า

ทำไมร่างกาย ไม่ดึงไขมันในเลือด ไปใช้เป็นพลังงาน ?
ให้ไขมันในหลอดเลือดหมดไป หลอดเลือดจะได้ไม่ตีบ
ความดันจะได้ไม่สูง

ทำไมร่างกาย ไม่ดึงไขมันในเลือด ไปใช้เป็นพลังงาน ? ให้ไขมันในหลอดเลือดหมดไป หลอดเลือดจะได้ไม่ตีบ ความดันจะได้ไม่สูง

1. กลไกใช้ พลังงานแบบ : ใช้ทันที
พลังงานที่ร่างการจะนำมาใช้ทันที คือ พลังงานที่ได้มา จากน้ำตาลและแป้ง ซึ้งส่วนใหญ่ร่างกายจะได้รับพลังงานในรูปแบบนี้ เพราะ เมื่อกินอาหาร จำพวก ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง น้ำหวานต่าง ๆ อาหารเหล่านี้ล้วนถูกย่อยกลายเป็นน้ำตาล ที่เป็นพลังงาน ที่ร่างกายใช้ได้ทันที

แต่เมื่อคุณกิน มากเกินไป จะทำให้ร่างกาย มีน้ำตาลที่เป็นพลังงานเกินความจำเป็นที่ทำให้คุณ เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ซึ้งร่างกายจะมีระบบการป้องกันตัวเอง โดย ร่างกาย จะผลิตฮอร์โมน “ อินซูลิน ” เพื่อเข้ามาจัดเก็บน้ำตาลเหล่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้คุณเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน

โดย อินซูลิน จะนำน้ำตาลไปเก็บที่บริเวณตับ และใต้กล้ามเนื้อซึ่งหากคุณกินมากเกินไป พื้นที่เก็บเหล่านี้ที่อินซูลินนำน้ำตาลมาซุกซ่อนไว้จะเต็ม เมื่อนั้น

ร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาล ส่วนเกิน เหล่านี้ให้อยู่ในรูปของไขมัน ไตรกลีเซอร์ไรด์ เพื่อเป็นพลังงานสะสมสำรองไว้ในร่างกาย

2. กลไกใช้พลังงานแบบ : เก็บก่อนใช้
พลังงานเก็บก่อนใช้ เป็นพลังงานที่ร่างกายจะดึงมาใช้ จากไขมันสะสม ที่เกิดขึ้นจากปริมาณอาหารที่คุณรับประทานเข้าไป มากจนเกินไป จนเกิดน้ำตาลส่วนเกิน ที่อินซูลินไม่สามารถกักเก็บได้ น้ำตาล ส่วนเกินเหล่านี้จึงถูกกักเก็บใน รูปแบบไขมัน ไตรกลีเซอร์ไรด์ ที่เป็ นไขมันส่วนเกิน ที่จะเริ่มเกิดและสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น พุง ต้นแขน ต้นขา

โดยมีเลือดเป็นตัวนำมาไขมันไหลนี้ไป ด้วยเหตุนี้หลอดเลือดจึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่ไขมันส่วนเกิน ชนิดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ สามารถก่อตัว เกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือดได้ ที่เป็นต้นเหตุทำให้หลอดเลือดตีบลงเรื่อย ๆ และนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง

และร่างกายใจใช้พลังงานจากไขมันสะสมก็ต่อเมื่อ ร่างกายไม่ได้รับพลังงานจากรูปแบบที่ 1 ที่มาจากแป้งและน้ำตาล จึงเรียกกลไกนี้ว่า “ เก็บก่อนใช้ ”

เพราะฉะนั้นหากต้องการลดความดันโลหิตสูง ต้องให้ร่างกายดึงพลังงานสะสมนี้ไปใช้ เพื่อกำจัดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ที่เกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือด ที่จะทำให้หลอดเลือดไม่ตีบ เพื่อให้ความดันกลับมาเป็นปกติ

แล้วมีไขมันตัวไหนบ้างที่ต้องลด เพราะคุณไม่จำเป็นต้องงดกินของมันทุกชนิด เพื่อลดความดันโลหิตสูง

ไขมันที่ตรวจวัด มี 4 ชนิด
แต่ละตัวมีหน้าที่และอันตรายแตกต่างกัน
และไม่ใช่ทุกตัวเป็นอันตรายต่อร่างกาย

ไขมันที่ตรวจวัด มี 4 ชนิด แต่ละตัวมีหน้าที่และอันตรายแตกต่างกัน และไม่ใช่ทุกตัวเป็นอันตรายต่อร่างกาย

2.1 คอเลสเตอรอล
คอเลสเตอรอลเป็นไขมันที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย ที่หลายคนเข้าใจผิดว่ามันมีแต่โทษ เพราะร่างกายผลิตคอเลสเตอรอลจากตับได้เองในปริมาณมากถึง 70% และอีก 30% มาจากการกิน เพราะคอเลสเตอรอล จะถูกใช้เป็นตัวการสำคัญในการสร้างฮอร์โมน และเป็นส่วนประกอบของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย และคอเลสเตอรอลที่มาจากการกินจะถูกแบ่งเป็น 2 ประเภท ที่เป็นคอเลสเตอรอลชนิดดี และคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี

2.2 ไตรกลีเซอไรด์
ไตรกลีเซอไรด์ คือ ไขมันที่ถูกเปลี่ยนมาจากน้ำตาลและแป้งที่ไม่ถูกนำไปใช้เป็นพลังงาน และ กลายเป็นไขมันสะสมในร่างกายในส่วนต่าง ๆ โดยจะถูกลำเลียงอยู่ภายในเส้นเลือด ซึ่งหากมีไตรกลีเซอร์ไลด์ ในปริมาณมาก จะเกิดเป็นชั้นผนังไขมันแกะอยู่ในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบลง ทำให้เลือดไหลเวียนในหลอดเลือดได้ช้าลง และจำเป็นต้องอาศัยแรงดันที่มากขึ้นเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้เป็นปกติ ด้วยเหตุนี้หัวใจของคุณ ต้องทำงานหนักขึ้น และเป็นต้นเหตุที่ทำให้ค่าความดันโลหิตของคุณสูง

2.3 คอเลสเตอรอลชนิดดี HDL (High Density Lipoprotein)
คอเลสเตอรอลชนิดดี หรือที่ มักถูกเรียกว่าไขมันดี ทำหน้าที่เป็นตัวลำเลียงไขมันในเลือด เนื่องจากไขมันไม่สามารถละลายอยู่ในเลือดได้ ไม่เหมือนกับการละลายน้ำตาลในน้ำ ที่เมื่อละลายเข้ากันแล้ว ก็สามารถไหลได้เป็นปกติ ร่างกายจึงจำเป็นต้องมี HDL ในปริมาณที่เหมาะสมในการลำเลียงไขมันในเลือด

เพราะหากในหลอดเลือดไม่มี HDL จะทำให้ไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ เกาะพอกอยู่ตามผนังหลอดเลือด ได้ง่ายขึ้น และ HDL นี้ ยังช่วยลำเลียงไขมันชนิดที่ไม่ดีส่งคืนสู่ตับ เพื่อ ไปทำลายทิ้งออกจากร่างกา

แต่ในการรักษาความดันโลหิตสูง จะไม่โฟกัสมาที่การเพิ่ม HDL เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะต้นเหตุหลัก ๆ ที่เกิดนั้น เกิดจากปริมาณไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ที่มากจนเกินไป จน HDL ไม่สามารถลำเลียงไป กำจัด ได้อีก

และคุณไม่สามารถกินอาหารที่มีเพียงแต่ HDL ได้ เพราะ มีสัดส่วน ที่น้อย และอาหารส่วนใหญ่ที่มี HDL ย่อมมีไขมันที่เป็นบ่อเกิดไตรกลีเซอร์ ไรด์ปนอยู่ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ความเข้าใจที่พยายามเพิ่ม HDL เพื่อป้องกันโรความดันโลหิตสูง จึงไม่ถูกต้องเสียทีเดียว

ในทางที่ถูกต้อง ต้องโฟกัสที่การลดปริมาณไขมันชนิดไตรกลีเซอร์ไรด์ที่เป็นต้นเหตุหลักที่ทำให้ผนังหลอดเลือดตีบ ที่ทำให้ความดันโลหิตสูงถึงจะเห็นผล

2.4 คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี LDL (Low Density Lipoprotein)
คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี หรือที่มักถูกเรียกว่าไขมันเลว ซึ่งทำหน้าที่เช่นเดียวกันกับ HDL ที่เป็นตัวลำเลียงไขมันไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกายผ่านหลอดเลือด แต่ไม่ได้ทำหน้าที่กำจัดไขมันไม่ดีออกจากร่างกายเหมือน HDL

ซึ่งหากมีปริมาณ LDL ที่มากเกินไป LDL จะเข้าไปสะสมที่ผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบและแข็ง ที่ทำให้คุณเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ด้วยเช่นกัน

แต่ในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง จะไม่พยายามมาลดที่ค่า LDL ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ ปัจจัยหลักที่ทำให้หลอดเลือดตีบนั้นมาจากปริมาณไขมันชนิดไตรกลีเซอร์ไรด์ที่มีมากเกินเกณฑ์ และแน่นอนคนไข้ส่วนใหญ่ที่มีค่าไตรกลีเซอร์ไรด์ที่มากเกินเกณฑ์ ย่อมมีค่า LDL ที่เกินเกณฑ์ด้วยเช่นกัน

2. ออกกำลังหนักแค่ไหน ความดันก็ไม่ลด (หากคุณไม่ได้ปรับพฤติกรรมส่วนนี้ก่อน)

การออกกำลังกาย ไม่ใช่วิธีการรักษาโรคความดันสูงอย่างถูกต้องเสียทีเดียว แม้คำแนะนี้เป็นคำแนะนำที่ผู้ป่วยความดันสูงมักได้ยินและคุ้นเคยดี

แม้เป็นคำแนะนำที่ คุณอาจได้รับมาจากคุณหมอเช่นกัน แต่หากคุณเข้าใจไม่ถูกต้อง ต่อให้คุณออกกำลังกายหนักแค่ไหน ค่าความดันโลหิตสูงของคุณจะไม่ลดเลย

จากที่ได้อธิบายต้นเหตุของความดันโลหิตสูง ที่มาจากไขมันชนิด ไตรกลีเซอร์ไรด์ ในข้อที่ 1 วิธีการป้ องกันและดูแล โรคความดันโลหิตสูง ที่ถูกต้อง คือการลดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ ในเส้นเลือด แต่การออกกำลังกายไม่ได้เข้าไปลดไตรกลีเซอร์ไรด์นี้โดยตรง

เพราะพลังงานที่ร่างกายดึงไปใช้มาจาก 2 แหล่ง
1. จากน้ำตาล แป้ง ที่รับประทานเข้าไป
2. จากไขมันสะสม (ที่มักอยู่ในรูป ของไขมัน ไตรกลีเซอร์ไรด์)

และพลังงานที่ร่างกายจะดึงน้ำไปใช้ทันทีคือ จากน้ำตาล และแป้ง

เพราะฉะนั้นต่อให้คุณออกกำลังกายหนักแค่ไหน แต่คุณยังกินอาหารในแต่ละวันที่ก่อให้เกิดแป้งและน้ำตาลมากเกินไป ร่างกายจะไม่ดึงไขมันที่สะสมสลายไปเป็นพลังงานเลย

จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทั้ง ๆ ที่ออกกำลังกายหนักแค่ไหน แต่ความดันโลหิตสูงก็ยังไม่ลด และบางครั้งก็กลับเพิ่มขึ้น

เพราะคุณไม่ได้ปรับพฤติกรรมที่ต้นเหตุอย่างถูกต้อง ซึ่งวิธีการปรับพฤติกรรมที่ถูกต้อง คือ การลดน้ำตาลและแป้งในแต่ละวัน

โดยอาหารที่ให้แป้งและน้ำตาลที่มากได้แก่ ข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว ผักกินหัว ( ผักเหล่านี้จะมีแป้งสะสมอยู่ที่หัว ทั้งหัวส่วนราก และหัวส่วนลำต้น ผักชนิดเหล่านี้ได้แก่ หัวผักกาดหรือหัวไชเท้า แครอท บีท มันแกว มันเทศ มันสำปะหลัง กระชาย หอมหัวใหญ่ หอมแดง ขิง ข่า มันฝรั่ง เผือก ) น้ำหวาน หรือน้ำที่มีสารให้ความหวาน หรือทดแทนความหวาน

อาหารเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดแป้งและน้ำตาลที่ร่างกายจะดึงไปใช้เป็นพลังงาน ทันที ก่อน ดึง ไขมันสะสมในร่างกาย ไปใช้

แต่ไม่ใช่แค่ลดอาหารเหล่านี้แล้วจะทำให้ร่างกายของคุณดึงไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ไปเผาผลาญ เพราะหากคุณลดการกินลงแต่กินบ่อยขึ้น กินจุกจิก มีของทานเล่นตลอดระหว่างวัน ถึงแม้คุณออกกำลังกายด้วย ก็ไม่สามารถ ดึงไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ไปเผาผลาญได้

เพราะฉะนั้น อีกพฤติกรรมที่คุณต้องปรับร่วมกับการลดอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล คือ กำหนดช่วงเวลาในการกินแต่ละวัน และช่วงเวลาที่ จะไม่กินในแต่ละวัน โดยช่วงเวลาที่ กิน ร่างกายจะใช้พลังงานจากแป้งและน้ำตาล และในช่วงเวลาที่คุณหยุดกิน ร่างกายจะดึงไขมันสะสม สลายไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ได้เป็นอย่างดี

เช่น ช่วงเวลากิน 12 ชม. ตอนเช้าเริ่มกินข้าว 8.00 และสามารถกินได้จนถึง 2 ทุ่ม แล้วหยุดกิน 12 ชม. โดยระหว่างนี้สามารถกินน้ำเปล่า ชาไม่มีน้ำตาล หรือกาแฟดำได้ จนวนครบถึงเช้า วันรุ่งขึ้น และเริ่มกินอีกครั้งตอน 8.00 ซึ่งคุณสามารถกำหนดช่วงเวลานี้ได้ด้วยตัวของคุณเอง

เมื่อคุณสามารถปรับพฤติกรรมทั้งหมดนี้ได้ทั้ง การลดน้ำตาล ลดแป้ง รวมกับการปรับช่วงเวลาการกิน ได้ การออกกำลังกายจะเป็นตัวเร่งการเผาผลาญ ไขมันสะสม ที่ทำให้ ไตรกลีเซอร์ไรด์ ต้นเหตุความดันโลหิตสูง ที่เกาะอยู่ ตามผนังหลอดเลือดสลายไป

ที่จะช่วยให้ค่าความดันโลหิตสูงของคุณกลับมาลดลงเป็นปกติได้

คำเตือน : การออกกำลังผิดวิธี
ที่ไม่เหมาะสมกับระยะความดันโลหิตสูงของผู้ป่วยในแต่ระดับ จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีและอาจจะทำให้อาการหนักขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วยเช่นกัน ( ส่วนการออกกำลังกายในแต่ระดับ มีคำแนะนำในเนื้อหาต่อจากนี้ )

3. แค่ลดการกินของมัน ของทอด ไม่พอที่จะลดความดันโลหิตสูงของคุณได้ (ลดที่ถูกวิธีต้องกินแบบนี้)

หลาย ๆ คนเข้าใจผิดว่า ไขมันที่เกาะผนังหลอดเลือด ที่ทำให้หลอดเลือดตีบ ที่เป็นต้นเหตุความดันโลหิตสูงนั้น ล้วนมาจากการกินของมัน ของทอด หรือคราบน้ำมันจากการผัด การทอด หรือจากอาหารที่อมน้ำมัน ซึ่งน้ำมันเหล่านี้เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อยู่ในรูปแบบไตรกลีเซอร์ไรด์ ที่เข้าไปเกาะที่ผนังหลอดเลือด

เพราะไตรกลีเซอร์ไรด์ ส่วนมากมาจาก การเปลี่ยนรูปที่เกิดจากการกินแป้งและน้ำตาลเข้าไปมากเกินความต้องการ จนกลายเป็นไขมันสะสม ที่เกาะตามบริเวณผนังหลอดเลือด หากเปรียบเทียบแล้ว ปริมาณข้าว 1 ทัพพี ที่กินเพิ่มจาก เกินความต้องการของร่างกาย จะแปรเปลี่ยนเป็นไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ ที่เข้าไปแกะตามผนังหลอดเลือดที่ทำให้หลอดเลือดตีบลง มากกว่าการรับประทานของทอดเสียอีก

เพราะฉะนั้นแค่ลดของมันของทองยังไม่เพียงพอ แต่ต้องลดปริมาณแป้งและน้ำตาลที่เข้าสู่ร่างกาย

หากใครที่ติดนิสัยกินอิ่ม กินจุ แต่ละมื้อกินข้าว 2 จาน เพิ่มข้าวหลายทัพพี หรือเน้นกินแป้งให้อิ่ม แม้จะไม่กินของทอดของมันเลย ก็ไม่สามารถป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้

4.เลือดค้นหนืด

อีกสาเหตุที่หลายคนละเลย ที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของโรคความดันสูง คือ สภาวะเลือดค้นหนืด ที่เกิดจากการกินน้ำน้อย และหากคุณยิ่งกินน้ำน้อย และไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจาก 3 ข้อ ข้างต้นที่ได้กล่าวไว้ ในเส้นเลือดของคุณจะมีเลือดที่ข้น และผนังเหลือดเลือดที่เต็มไปด้วยไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ ยิ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดติดขัด และเป็นเหตุทำให้หัวใจต้องบีบรัดตัว เพิ่มแรงดันในการขับเคลื่อนเลือดไปอีก ทำให้เป็นผลให้ค่าความดันโลหิตของคุณสูง

5. บุหรี่ แอลกอฮอล นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ

อีกหนึ่งที่เป็นตัวการสำคัญ หากคุณต้องการรักษาตัวเองดูแลโรคความดันโลหิตสูงให้กลับมาหายเป็นปกติอย่างจริงจรัง สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คุณต้องเลี่ยง เพราะการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล ร่วมถึงการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ล้วนมีผล กระทบโดยตรงกับหลอดเลือดของคุณ ที่ทำให้หลอดเลือดเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดการก่อตัวของไขมันที่เกาะตามหลอดเลือดได้ง่ายขึ้น ส่งผลทำให้หลอดเลือดตีบได้ง่ายมากขึ้นที่เป็นเหตุทำให้คุณมีความดันโลหิตที่สูง

ความดันสูง มี 3 ระดับ
ที่มีความรุนแรงและวิธีการดูแลตัวเองที่แตกต่างกัน...
คุณอยู่ระยะที่เท่าไหร่ ?

ความดันสูง มี 3 ระดับ ที่มีความรุนแรงและวิธีการดูแลตัวเองที่แตกต่างกัน... คุณอยู่ระยะที่เท่าไหร่ ?

ความดันโลหิตสูง มี 3 ระดับ ที่ถูกแบ่งตามลำดับความรุนแรง โดยมีเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่งดังนี้

ระดับที่ 1 ความดันโลหิตสูงระยะเริ่มแรก ค่าความดันโลหิต ระหว่าง 140 - 159 / 90 - 99 มม.ปรอท
ในระยะนี้เป็นระยะเริ่มต้นที่คุณสามารถดูแลรักษาได้ด้วยตัวเอง โดยที่ยังไม่จำเป็นต้องรับประทานยา ซึ่งมีคนไข้หลายคนที่รู้ตัวว่าตนเป็นโรคความดันโลหิตสูงในภาวะแรก สามารถดูแลตัวเองจนสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติได้ ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำ และวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้องทั้ง 5 ข้อ ที่กล่าวไว้นี้ได้เลย

ระดับที่ 2 ความดันโลหิตสูงระยะปานกลาง ค่าความดันโลหิต ระหว่าง 160 - 179 / 100 - 109 มม.ปรอท
หากผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่อยู่ในระยะนี้ และอยู่ในการดูแลของแพทย์ สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีความจำเป็นต้องรับประทานยาด้วยสาเหตุที่มีโรคแทรกซ้อนอื่นที่อาจเป็นอันตราย ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งในระยะนี้ การออกกำลังกายที่หักโหมไม่สามารถทำได้ เพราะเสี่ยงมีโอกาสเกิดภาวะช็อคได้ การออกกำลังกายที่เหมาะสมควรออกกำลังกายในร่ม และไม่ใช่การออกกำลังกายที่เน้นให้เหงื่อออกในปริมาณมาก เพราะความร้อนที่เกิดขึ้นจากการออกกำลังกาย จะทำให้เส้นเลือดมีการหดและขยายตัว และการสูบฉีดเลือดจากหัวใจที่มากขึ้น ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง ในระยะนี้การกินยาตามคำแนะนำแพทย์ และวิธีการดูแลตัวเองทั้ง 5 นี้ สามารถทำควบคู่ไปด้วยกันได้

ระดับที่ 3 ความดันโลหิตสูงระยะรุนแรง ค่าความดันโลหิต มากกว่า 189 / 100 มม.ปรอท
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่อยู่ในระยะนี้ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด จำเป็นอย่างยิ่งต้องรับประทานยาลดความดันที่แพทย์จ่ายให้ เพื่อป้องกันอันตรายจากโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายมากกว่าโรคความดันโลหิตสูง แต่จำเป็นต้องดูแลรักษาให้ความดันโลหิตสูง ให้ลดลงมาอยู่ในเกณฑ์ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในระยะนี้มักมีสภาพร่างกายที่ไม่เหมาะในการออกกำลังกาย เน้นการดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ หากแพทย์มองว่ามีความจำเป็นต้องรับประทานยา ก็ต้องกิน และผนวกกับการดูแลตัวเองด้วยวิธีดังกล่าวทั้ง 5 อย่างข้างต้น เพื่อเป็นการรักษาตนเองที่ต้นเหตุอย่างถูกต้อง

ทำไมกินยาลดความดัน รพ.
ไม่เห็นเคยลดลงมาเป็นปกติได้สักที ?
นี่คือเหตุผลที่คุณต้องรู้

ทำไมกินยาลดความดัน รพ. ไม่เห็นเคยลดลงมาเป็นปกติได้สักที ? นี่คือเหตุผลที่คุณต้องรู้

ยาที่คุณหมอจ่ายให้ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ไม่ใช่ยาที่สามารถลดความดันโลหิตสูงโดยตรง เพราะไม่มียาใดที่เข้าไปเปลี่ยนตัวเลขที่เครื่องวัดได้ความดันสูง ที่มีค่าสูงให้มีค่าที่ลดลงมาได้อย่างฉับพลัน แต่ยาที่หมอให้คุณกินเป็นตัวช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง เกิดจากไขมันที่เกาะพอกบริเวณผนังหลอดเลือด ซึ่งทำให้หลอดเลือดมีอาการอักเสบที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ระบบไหลเวียนเลือดเป็นระบบหลักของร่างกาย หากมีเส้นเลือด จุดไหนที่มีการอักเสบมากเกินไปจะเป็นอันตรายถึงขั้นเส้นเลือดในสมองแตก ฉีกขาด เป็นอัมพฤต อัมพาด และอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ อันเนื่องมาจากการอักเสบของเส้นเลือด ที่เกิดจากการพอกตัวของไขมัน ยาที่หมอจ่ายช่วยบรรเทาอาการอักเสบของหลอดเลือด เพื่อไม่ให้ร่างกายของคุณไปถึงขีดอันตรายจนไม่สามารถรักษาต่อได้ แต่ยาที่หมอจ่ายไม่ได้เป็นการเข้าไปลดหรือสลายไขมันที่เกาะพอกอยู่ตามผนังหลอดเลือด เพราะฉะนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมคนไข้ที่กินยาหมอแล้วค่าความดันไม่ลดลงเป็นเพราะว่า ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ที่ได้กล่าวไว้ทั้ง 5 ข้อ ข้างต้น ด้วยเหตุนี้การที่คุณกินแต่ยาหมอแล้วไม่ได้มีการปรับพฤติกรรมอื่น ๆ ร่วมด้วย ค่าความดันของคุณจะไม่ลดลง และมีโอกาสเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

วิธีลดความดันสูง ที่เห็นผลจริง หายขาดได้
ภายใน 2 เดือน วิธีที่พยาบาลเลือกใช้
(หายเป็นปกติทั้งตัวเองและแฟน)

วิธีลดความดันสูง ที่เห็นผลจริง หายขาดได้ ภายใน 2 เดือน วิธีที่พยาบาลเลือกใช้ (หายเป็นปกติทั้งตัวเองและแฟน)

ด้วยวิธีการเข้าไปกำจัดและสลายไขมันในเส้นเลือด ต้นเหตุความดันโลหิตสูง จึงทำให้หายขาดได้

พี่เป็นพยาบาล ยังไม่อยากกินยา และช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้ออกกำลังด้วย แต่หลังจากดูแลตัวเองด้วยวิธีนี้ ทำให้ผลตรวจสุขภาพประจำปี ของพี่ทั้งค่าคอเลสเตอรอล ( Cholesterol ) ค่าไขมันชนิดไม่ดี (LDL) ลดลงจนเป็นปกติแล้วค่ะ ปกติออกกำลังกายคุมอาหารไม่ลดเลยค่ะ

พี่หาข้อมูลมาหลายที่นะ ว่าอะไรที่จะช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ดี ที่มีสาเหตุจากไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือดไม่ว่าจะเป็นไตรกลีเซอร์ไรด์ หรือคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และต้องไปตัวที่เข้าไปช่วยสลายไขมันเหล่านี้ที่เกาะตามผนังหลอดเลือดของพี่

เพราะค่าไขมันที่ไม่ดีต่าง ๆ ในผลการตรวจสุขภาพ เป็นไขมันที่เกาะตามผนังหลอด ซึ่งหากปล่อยให้ค่าตรงนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ พี่มั่นใจว่าค่าความดันของพี่จะสูงตามแม่ และเป็นเหตุของโรคเรื้อรัง ๆ หลาย ๆ โรค

พี่เป็นพยาบาลพี่เห็นคนไข้ที่ความดันสูงหลายคน ที่มีโรคประจำตัวที่เรื้อรังคล้าย ๆ กันทั้งนั้นเลย

และพี่รู้ตัวว่างานพยาบาลของพี่จะทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา เป็นกะบ้าง ทำให้พี่ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน พี่เลยมองหาตัวช่วยที่ทำให้ค่าไขมันเหล่านี้ลดลงได้ โดยที่พี่สามารถใช้ชีวิตแบบเดิมได้ ไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก

น้ำมันกระเทียม เป็นตัวนึงที่พี่เริ่มอยากหาลองก่อน เพราะในทางการแพทย์ที่พี่พอมีความรู้ สารอัลลิซินในกระเทียมเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีสรรพคุณช่วยกำจัดไขมันที่เกาะ ตามผนังหลอดเลือด และป้องกันไม่ให้ไขมันเหล่านี้ก่อตัวเกาะตามผนังได้ และมีงานวิจัยหลายแห่งยืนยันว่าเป็นตัวช่วยลดความดันโลหิตสูงได้อย่างได้ผลดีเลยค่ะ

พี่ลองกินน้ำมันกระเทียมสกัดของ B9 บีไนน์ตัวนี้ เพราะแฟนพี่เขามีความดันสูงแล้วเขาแอบซื้อมาลองกินโดยยังไม่บอกพี่ก่อน แล้วเขาเอาผลความดันที่ลดมาให้พี่ดู

ขนาดพี่เป็นพยาบาลนะ ความดันแฟนพี่เดิมที่ที 160 เลยนะ แต่ลดลงมาเหลือ 135 ได้ แค่ 3 เดือนเอง

มันน่าเหลือเชื่อมากนะพี่เจอคนไข้ที่ความดันสูง 160 มาตรวจสุขภาพอยู่ทุก ๆ 3 เดือน มาเป็นปี ความดันเขายังลดลงมาไม่ได้ขนาดนี้เลย !

พี่เลยไม่ลังเลลองน้ำมันกระเทียมสกัดของบีไนน์เลย

สารสกัด น้ำมันกระเทียม B9 ตัวช่วยพิเศษ
กำจัดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันสูง
อย่างได้ผล

สารสกัด น้ำมันกระเทียม B9 ตัวช่วยพิเศษ กำจัดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันสูง อย่างได้ผล

โดยที่คุณไม่ต้องเหนื่อยฝืน เปลี่ยนพฤติกรรมใด ๆ ไม่ต้องออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ต้องคุมอาหารเป็นประจำ ก็สามารถลดความดันสูงให้กลับมาเป็นปกติได้ ภายใน 2 - 3 เดือน

สารสกัดกระเทียมมีคุณสมบัติเป็นยาทางเลือกที่ทั่วโลกต่างศึกษาค้นคว้าวิจัย จนค้นพบ 4 สรรพคุณ อันโดดเด่น ที่เป็นตัวช่วยป้องกันและบำรุงร่างกายได้ดังนี้

1.ช่วยลดความดันโลหิตสูง

โดยในประเทศเยอรมนี ได้นำกระเทียมไปทดลองในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง โดยให้ผู้ป่วย กินกระเทียม 4 กลีบทุกวันต่อเนื่อง 1 เดือน ผลความดันลดลงจาก 171/102 เป็น 152/89 เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ให้ยาหลอกโดยไม่ได้มีการกินกระเทียมเลย ในแต่ละวัน ผลคือความดันไม่เปลี่ยนแปลงเลย ชัดเจนว่า กระเทียมมีผลช่วยลดความดันโลหิตสูง อันเนื่องมาจากคอเลสเตอรอลสูง อย่างเห็นได้ชัด

สารสกัดกระเทียมไม่ได้มีฤทธิ์ในการกดความดัน แต่สารสกัดในกระเทียมที่มีชื่อว่า “ อัลลิซิน ” เป็นตัวช่วยลดอาการการอักเสบของหลอดเลือด ที่เกิดมาจากไขมันที่เกาะพอกตัวตามผนังหลอดเลือด ที่ทำให้หลอดเลือดตีบ และเป็นผลให้ความดันโลหิตสูง

สารอัลลิซิน จะเข้าไปสลายไขมันที่เกาะตามผนังเส้นเลือด และทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพราะฉะนั้นต่อให้ผู้ป่วยที่มีความดันต่ำรับประทานกระเทียม ความดันก็จะไม่ลงไปต่ำกว่าเดิม แต่เพียงแค่หลอดเลือดจะหดตัวยืดหยุ่น ให้สอดรับ ไปตามขนาดการ ของหลอดเลือด ที่ไหวเวียนจากการสูบฉีดเลือดจากหัวใจ

2. ช่วยลดไขมัน และ คอเลสเตอรอลในเลือด
สารอัลลิซิน ในกระเทียมมีฤทธิ์ช่วยในการสลายไขมัน ไตรกลีเซอร์ไรด์ที่เป็นไขมันต้นเหตุหลักที่เข้าไปเกาะผนังหลอดเลือด ที่ทำให้ความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ไขมันเลว หรือ LDL ลงได้มากถึงอย่างน้อย 8% เมื่อ รับประทานต่อเนื่อง 1 เดือน และช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี ไขมันชนิดดี หรือ HDL ได้มากถึง 12% อีกด้วย ซึ่งไขมัน และคอเลสเตอรอลทั้งหมดนี้เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ความดันโลหิตสูง

3. ช่วยขับโลหะหนักปนเปื้อนออกจากร่างกาย
อีกหนึ่งสรรพคุณที่เปรียบเสมือนตัวช่วย Detox สารพิษในร่างกายคุณ โดยโลหะหนักเหล่านี้เช่น สารจากพวกตะกั่ว ที่พบได้มากจากอาหารที่มาจากการเพาะปลูกและสัตว์ ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการปนเปื้อนของตะกั่ว ดีบุก สังกะสี ที่พบได้บ่อยจากการปนเปื้อนจากภาชนะบรรจุ อาหารกระป๋อง ทองแดง ปรอท ที่พบได้มากในอาหารทะเล ซึ่งหากร่างกายมีโลหะเหล่านี้ปนเปื้อนที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จะยิ่งทำให้ร่างกายของคุณอ่อนแอ และหากคุณเป็นโรคความดันโลหิตร่วมด้วยยิ่งมีโอกาสทำให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนได้ง่ายขึ้น ซึ่งสารสกัดกระเทียมมีสรรพคุณช่วยป้องกันสารพิษเหล่านี้ให้ร่างกายของคุณได้

4. ลดโอกาสเกิดไข้หวัดจากเชื้อไวรัส
ในงานวิจัยยืนยันว่าสารอัลลิซินในกระเทียม มีฤทธิ์ช่วยต้านไข้หวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัสได้อย่างเห็นผลได้ชัด ในกรณีที่ผู้ป่วยสุขภาพดี สารอัลลิซิน นี้จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทางของร่างกายให้สามารถป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสได้มากถึง 58% และสำหรับผู้ป่วยที่ติดไข้หวัดจากไวรัสแล้ว สามารถรับประทานสารสกัดจากกระเทียมเพื่อช่วยบรรเทาและลดอาการรุนแรงของโรคได้ถึง 21%

หรือหมายความว่า หากปกติคุณเป็นไข้หวัดประมาณ 5 วัน คุณจะหายเร็วขึ้นภายใน 2-3 วันเท่านั้นเอง

และอย่างที่ทุกคนรู้และเข้าใจ COVID-19 (โควิด-19) ก็เป็นโรคที่มีอาการคล้ายไข้หวัดจำพวกหนึ่ง ที่เกิดจากเชื้อไวรัสด้วยเช่นกัน นั้นหมายความว่าเมื่อคุณรับประทานสารสกัดจากกระเทียม ก็เสมือนเป็นช่วยภูมิคุ้มกันให้ร่างกายของคุณ ช่วยป้องกัน และช่วยบรรเทาอาการความรุนแรงของโรคเมื่อติดได้

ประโยชน์ของกระเทียม อื่น ๆ
1. รู้สึกร่างกายเบาขึ้น มีเรี่ยวมีแรง เนื่องจากเลือดจะสูบฉีดได้ดีขึ้น ระบบไหลเวียนโลหิตดี เลือดไหลไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย
2. อาการปวดเมื่อยตามส่วนต่าง ๆ น้อยลง
3. ไม่มีอาการปวดหัว และเพลียตอนตื่นนอน
4. เลือดไหลเวียนสะดวกขึ้น หายใจโล่ง และสดชื่นทั้งวัน
5. รู้สึกหิวน้อยลง โดยเฉพาะคนที่มีไขมันสะสมเยอะ เพราะกระเทียมเข้าไปสลายไขมันเป็นพลังงานตลอดเวลา ทำให้ไม่หิว
6 ทานต่อเนื่องเป็นประจำช่วยส่งผลให้ค่าไขมัน LDL ลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ
7. สำหรับผู้ที่หน้ามืด และวูบบ่อย ๆ อาการนี้จะลดลง เพราะกระเทียมเป็นสมุนไพรร้อนที่มีฤทธิ์แก้อาการนี้โดยตรง
8. แก้อาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด เฟ้อ ปวดท้องบ่อย เพราะกระเทียมช่วยย่อย
9. สลายไขมันที่เกาะตามหลอดเลือด สำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสูง-โรคไขมันอุดตัน เพื่อให้ได้ผลที่ดี และชัดเจนขึ้น ควรลดอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล เพื่อลดการสะสมเพิ่มของไขมัน
10. ช่วยลดความดันโลหิต เหมาะสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง

ทำไมคุณควรเลือกกินสารสกัด น้ำมันกระเทียม B9 มากกว่า
ที่จะพยายามกินกระเทียมสดให้ได้ทุกวัน

ทำไมคุณควรเลือกกินสารสกัด น้ำมันกระเทียม B9 มากกว่าที่จะพยายามกินกระเทียมสดให้ได้ทุกวัน

1. คุณไม่จำเป็นต้องกิน สารสกัด น้ำมันกระเทียม B9 หากคุณสามารถ กินกระเทียมสดเปล่า ๆ ได้ มื้อละ 2 หัวโต ๆ (ไม่ใช่แค่ 2 กลีบ) และต่อเนื่องกันอย่างน้อย 3 เดือนทุกวัน โดยห้ามผ่านกระบวนการให้ความร้อน ผัด ทอด ไม่ได้เลย เพราะความร้อนทำให้สาร “อัลลิซิน” สลายตัว และการกินกระเทียมสด คุณต้องทนกลิ่นที่ฉุน เรื่องกลิ่นปาก กลิ่นตัวอาจจะแรง และไม่มีทางที่คุณจะได้รับสารอัลลิซินนี้เต็มที่อย่างแน่นอน
2. สารสกัดกระเทียม B9 เพียง 1 เม็ด = กระเทียมสด 1 กิโลกรัม

3. ใน B9 1 เม็ดมีปริมาณ “อัลลิซิน” มากพอที่จะช่วยป้องกัน และช่วยสลาย ไขมัน คอเลสเตอรอล ทั้งที่มีอยู่ และป้องกันที่จะเกิดใหม่ได้เต็มประสิทธิภาพ โดยที่คุณไม่ต้องทรมานกับการกินกระเทียมสด ๆ เลย
4. ลักษณะแคปซูล ของ B9 เป็นชนิดแข็ง ที่แตกต่างจากท้องตลาดทั่วไป เพื่อป้องกันไม่ให้แคปซูลถูกย่อยสลาย ด้วยน้ำย่อยในกระเพาะ หรือน้ำลาย เพราะร่างกายจะดูดซึมสารอัลลิซินนี้ได้ดีที่สุดที่ลำไส้เล็ก ที่พร้อมนำไปใช้งาน ไปย่อยสลายไขมันตามเส้นเลือดทันที แต่แคปซูลอาหารเสริมทั่วไปเป็นชนิดนิ่มเป็นเจลใส ที่มักจะถูกย่อยด้วยน้ำย่อยได้ง่ายตั้งแต่น้ำลาย และถูกย่อยจนหมดที่กระเพาะอาหาร ก่อนที่จะถึงลำไส้เล็ก แต่ B9 เป็นแคปซูลชนิดแข็ง ที่จะทำให้ร่างกายของคุณได้รับสารอัลลิซินนี้ ที่ลำไส้เล็ก ให้ร่างกายดูดซึมไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. รับประทานง่าย กลิ่นไม่ฉุน แม้อัดแน่นด้วยกระเทียมสกัดขนาดนี้ ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นปาก
6. กินง่าย วันละ 2 เม็ด เช้า-เย็น ก่อนอาหาร ที่จะช่วยสลายไขมัน คอเลสเตอรอล จากอาหารที่คุณกินเข้าไปในแต่ละวัน ไม่ให้ไปเกาะตามผนังเส้นเลือดของคุณได้
7. ไม่มีผลข้างเคียง โรคประจำตัว เบาหวาน โรคไต สามารถรับประทานได้ เป็นสมุนไพรสารสกัดจากกระเทียมแท้ ๆ ไม่ใช่ยา และไม่มีส่วนผสมของยา ไม่มีสารตกค้าง

พี่หญิง พยาบาล เผยวิธีการกิน และดูแลตัวเองโดย
ไม่เลือกที่จะกินยาจาก รพ. ทั้งตัวพี่หญิงและแฟน
ความดัน 160 ลงมาได้ 135 แล้ว!!

พี่หญิง พยาบาล เผยวิธีการกิน และดูแลตัวเองโดยไม่เลือกที่จะกินยาจาก รพ. ทั้งตัวพี่หญิงและแฟน
ความดัน 160 ลงมาได้ 135 แล้ว!!

โดยเลือกกินอาหารเสริมสารสกัดน้ำมันกระเทียม B9

แฟนพี่เขากินก่อนพี่นะ ช่วงแรกเขาเครียดมาก ทำงานหนักไม่ได้พักผ่อนเลย จนความดันเขาสูงมาก 150-160 เลย แล้วเขาก็ยิงเครียดกับความดันที่สูงขึ้นมาขนาดนี้ พอเขาลองกิน B9 ช่วงแรก น้องแอดมินที่ดูแลพี่เขาก็แนะนำให้กินครั้งละเม็ด แต่แฟนพี่เขาใจร้อนเลยกินครั้งละ 2 เม็ดเลย เช้า-เย็น ซึ่งเห็นผลดีมากเลยนะคะ

จากความดัน 160 ลงมา 135 เลยค่ะในช่วงเดือนแรก และกินต่อเนื่องมา 3 เดือนแล้ว ความดันคงที่ดีมาก ๆ เลย และตอนนี้ก็ลดลงมากินเหลือแค่ครั้งละเม็ด เช้า-เย็น ตามที่แนะนำแล้วค่ะ

อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตอนที่ความดันสูง ๆ ก็เริ่มหาย ไม่เป็นแล้วด้วยค่ะ ตอนนี้ไม่มีอาการมึนท้ายทอยแล้วค่ะ จนตอนนี้แฟนพี่กลับมาเป็นปกติแล้วค่ะ แล้วก็กินต่อเนื่องอยู่จนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ

เขาบอกว่าไม่ต้องออกกำลังกาย อาหารการกินก็กินเหมือนเดิม ไม่ได้ต้องเข้มงวดอะไรกับตัวเองจนรู้สึกว่าเหนื่อย ก็เพราะกินสารสกัดกระเทียม B9 ตัวนี้แหละค่ะที่เป็นตัวช่วย

ซึ่งพี่ก็เห็นกับตาอยู่ทุกวันว่าเขาเอาแต่ทำงาน ไม่ได้ดูแลสุขภาพทางอื่นเลย นอกจากตัวนี้ พี่ก็เลยเลือกกินตามแฟนเขา ประกอบกับพี่พอเข้าใจถึงสรรพคุณของสารสกัดกระเทียมเบื้องต้นอยู่พอสมควร พี่เลยยิ่งมั่นใจที่จะลองกินเลยค่ะ และพี่เองก็ยังไม่อยากจะกินยาตั้งแต่ระยะเริ่มด้วยเหมือนกัน อยากหายได้เอง

ทั้งพี่และแฟน เราใช้เวลากินที่เห็นผลชัดแบบความดันลดลง และไม่เด้งกลับไปสูงใหม่ แฟนพี่เขากินต่อเนื่อง 3 เดือน ส่วนตัวพี่เองแค่ 2 เดือน ค่าไขมันในเลือดต่าง ๆ ที่ไม่ดี ที่เป็นต้นเหตุทำให้ความดันสูงลดลงทุกตัวเลย และค่าความดันก็กลับมาเป็นปกติดีเลยค่ะ แล้วก็คงที่อยู่ที่ค่านี้ ไม่กลับไปสูงอีกเลยนะคะ

พี่เองก็แนะนำคนไข้พี่ไปหลายคนอยู่นะว่าถ้ายังไม่อยากกินยาจากโรงพยาบาลลองอาหารเสริมที่เป็นตัวช่วยแบบนี้ก่อนได้ ถ้าลดไม่ได้จริง ๆ ก็ค่อยปรึกษาหมอ รับประทานยาจากหมอทีหลัง

หมอ ยืนยันแค่ออกกำลังกาย ไม่ช่วยให้ความดันลด

หมอ ยืนยันแค่ออกกำลังกาย
ไม่ช่วยให้ความดันลด

ขออนุญาตคุณหมอนายแพทย์ธราธาร สำหรับข้อมูลการลดค่าไขมัน คอเลสเตอรอล จากเคสผู้ป่วยจริง

ส่วนมากคนจะเข้าใจผิดว่าการออกกำลังจะลดโคเลสเตอรอลได้ คำตอบที่ถูกต้องคือ ลด แต่แค่ 10% จากเดิมเท่านั้น ยังไงก็ไม่สามารถลดให้ค่าคอเลสเตอรอลลงมาถึงเป้าหมายได้ ในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงที่เห็นเหตุอันเนื่องมาจากไขมันที่เกาะพอกตามผนังหลอดเลือด ป้องกันการตีบของเส้นเลือด จึงมีความจำเป็นต้องปรับพฤติกรรมอื่นเพิ่มด้วย ไม่ใช่แค่ออกกำลังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ค่าผลตรวจคอเลสเตอรอลที่เห็นนี้เป็นผลเทียบของจากผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ที่มีค่าไขมัน ค่าคอเลสเตอรอลเกินเกณฑ์ และพยายามดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายอย่างหนักต่อเนื่อง 6 เดือน โดยไม่ได้มีการกินยาหรืออาหารเสริมช่วยแต่อย่างใด ผลคือ ไม่สามารถลดค่าคอเลสเตอรอล ค่าไขมันไม่ดีได้ให้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติได้เลย จึงทำให้ค่าความดันโลหิตสูงไม่ลดลงเลย

แต่เมื่อผู้ป่วยได้มีการรับประทานอาหารเสริม ที่ช่วยบำรุงเรื่องการกำจัดคอเลสเตอรอล ไขมันในเส้นเลือด อย่างสารสกัดน้ำมันกระเทียม B9 โดยยังไม่ได้รับประทานยาจากทางแพทย์ ภายใน 3 เดือน ผลค่าไขมันลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ และค่าความดันก็ลดลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติได้

งานวิจัยยืนยันจากศูนย์วิจัยและทดสอบทางโภชนาการ
อาหาร จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ

งานวิจัยยืนยันจากศูนย์วิจัยและทดสอบทางโภชนาการ อาหาร จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ยืนยันว่า สารสกัดกระเทียม B9 แคปซูล 1 เม็ด เทียบเท่ากับการสกัดกระเทียมสด 1 กิโลกรัม ที่ทำให้ได้สารอัลลิซิน ที่มีผลต่อการเข้าไปรักษาอาการอักเสบของหลอดเลือดในร่างกาย ที่ทำให้ไขมันที่เกาะพอกตามผนังหลอดเลือดสลายไปได้ และช่วยลดความดันโลหิตสูงได้อย่างเห็นผล

รีวิวจากลูกค้าจริง

ไม่อยากไปหาหมอ ไม่อยากกินยาจากโรงพยาบาล อยากดูแลตัวเอง อยากรักษาตัวเองให้กลับมาหายได้ กลับมามีสุขภาพดี ความดันเป็นปกติ เหล่านี้คือความในใจของลูกค้าที่ตัดสินใจเลือกรับประทาน B9 และนี่คือผลลัพธ์ที่ทำให้ลูกค้าแต่ละท่านไม่ต้องไปหาหมอที่โรงบาล และตั้งใจกลับมาดูแลตัวเองได้อีกครั้ง

เรื่องเล่าของ B9 ที่ได้ดูแลครอบครัวหนึ่ง
ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงทั้งครอบครัว แต่ตอนนี้...

กินแค่ 1 กล่องแรก ก็เห็นผลแล้ว จาก 150-160 ลงมา 109-119

กินเช้าเย็นหลังอาหาร 2 เม็ด จาก 171 ลดมา 130 ตอนนี้ลดเหลือ 113 เป็นปกติแล้ว ที่เหลือใช้ชีวิตเหมือนเดิมเพิ่มแค่กิน B9

กินเช้าเย็นหลังอาหาร 2 เม็ด จาก 171 ลดมา 130
ตอนนี้ลดเหลือ 113 เป็นปกติแล้ว ที่เหลือใช้ชีวิตเหมือนเดิม เพิ่มแค่กิน B9

**รีวิวจากลูกค้าที่ซื้อ และรับประทานจริง*

เพียง 3 เดือน ความดันลดจาก 152 เหลือ 119 วันละ 2 แคปซูล หลังอาหารเช้าเย็น

ผมแนะนำให้ญาติ และเพื่อน ๆ ที่ความดันสูงแบบผมได้กินด้วยเหมือนกันครับ เห็นผลดีมาก ๆ ครับ